บทที่ 2 โรงพยาบาล
.
.
.
“อะ อะ อิบิ้วววววว ไหวไหมมึงงงงง” เดียร์รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อนสนิท ถามด้วยสีหน้าหวาดๆ แทนพร้อมกับกลืนน้ำลายตัวสั่นระริก ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกคำ
“ดีนะที่ไม่ใช่กู....”
“อิเพื่อนเลววววววว พากูไปโรงพยาบาลที โอ๊ยยยย ฮือออออ อย่าให้เผลอนะมึ้งงงงง กูจะปล้ำทำเมีย!! ฮืออออ” เสียงโอดโอยของเพื่อนสาวที่ทำหน้าจุกเสียดร่ำไห้ ทำให้เดียร์รีบวิ่งไปที่หลังเคาน์เตอร์ หยิบคว้ากุญแจรถออกมา แล้วรีบเข้าไปพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น พาเดินไปที่รถ.....
มอเตอร์ไซค์....
“ทำไมมึงไม่เอารถกระบะไปล่ะอีดิ๊ววววววว” บิ้วตี้โวยวายเสียงสั่นปนสะอื้น เมื่อเห็นรถที่เพื่อนเตรียมเอาไว้ให้ เดียร์หันมาทำแหย่ๆ พนมมือไหว้อย่างขอโทษขอโพย
“ขอโทษทีว่ะ พอดีกูขับไปเหยียบตะปูมา ให้เขาปะๆ ให้พอขับกลับมาได้ก่อน ตอนนี้ล้อแบนไปแล้วอะมึง” พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดสุดๆ ในขณะที่บิ้วตี้ลมแทบจับ จากที่หน้าซีดปากสั่นเหงื่อตกอยู่แล้ว ก็ยิ่งดิ่งวูบเข้าไปอีกจนร่ำไห้ออกมาอีกหน
“ฮือออออ อีเหี้ยยยยย มึงดู มึงดู๊ดดดดดด ลูกระนาดกับหลุมอุกกาบาต อีเพื่อนเหี้ยยยยยยยย มึงจะฆ่ากู้วววววว ฮืออออ”
“เออน่า รีบไปเหอะมึง โรงบาลอยู่ไม่ไกลหรอกน่า ปะๆ” ว่าพร้อมกับจับเพื่อนนั่งซ้อนท้าย ในขณะที่ลูกน้องในร้านก็แสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมา ลอบสบตากันด้วยความกังวลใจ
ร้านจะเจ๊งไหมว่ะนั่น!!
มีเจ้าของร้านแบบนี้ไม่น่ารอด........
คิดพลางมองส่งตามหลังสองนายจ้างที่พากันหอบหุ้มอุ้มไปโรงพยาบาลด้วยความสังเวชใจ
“อะ อะ อีเดียร์ ฮืออออ แหนมกู ฮือออออ อั่ก!!”
“กูเบาสุดๆ แล้วนะเว้ยยยย มึงก็ทนหน่อยดิว่ะ!” พูดบ่นพร้อมกับพยายามขับรถหลบหลุมและขึ้นลงลูกระนาดอย่างนิ่มนวล แต่ผู้ชายตัวสูงตามมาตรฐานชายไทย น้ำหนักของคนๆ หนึ่งล่อกันไปคนละ 70 โลบวกๆ มันจะไปนิ่มนวลได้ยังไงฟะ!!!
“อั่ก! มึงก็ขับ อั่ก! อั่ก! ให้มันช้าลง โอ๊ย! หน่อยดิว่ะ! ฮืออออออ อั่ก!” พูดไปก็ร่ำไห้ไป หน้าดำคล้ำเขียวมือกุมดวงใจที่ร้าวรานเพราะถูกทำร้ายด้วยความทรมาน และยิ่งทรมานขึ้นอีก เมื่อต้องมาเจอหลุมติดๆ กัน 2 ถึง 3 หลุม จนอยากจะกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด
“ขับช้ากว่านี้มึงก็ลงเดินเองเลยแล้วกัน! อิห่าน กูขับช้าขนาดนี้ มดยังเดินแซงหน้ากูเลยอีเหี้ย!”
“โอ้ยยยยยย กูกำลังจะตาย ฮืออออ อาป๊า มารับตี๋แล้วววววววว ฮืออออ”
“ทนหน่อยดิว่ะ เห็นตึกโรงบาลแล้ว อดทนอีกนิดเว้ยเพื่อน”
“อั่ก! โอ้ยแม่มมมมม กูจะบริจาคเงินสร้างถนนให้แม่งเลยอิเวงงงง” เสียงร้องโวยวายของหญิงสาวสองคนดังลั่นถนน จนทำให้ใครต่อใครหันหน้ามามองอย่างสนใจ เห็นเพียงหญิงสาวสองคนที่ดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นหญิงแท้ไปได้ต่อปากต่อคำด่ากันไปมา ด้วยความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ที่ความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.....
“อีกนิดนะเพื่อนนน กูตื่นเต้นจังว่ะ มึงจะได้ตัดก่อนกูแล้ว”
“ไม่ตัดโวย กูไม่มีเงิน!! เดี๋ยวววว มึงจะเลี้ยวไปไหน!!” บิ้วตี้ร้องโวยวายพร้อมกับการกุมไข่ไปด้วย ดึงทึ้งกระชากหัวเพื่อนที่มีเส้นผมสีเทาทำไฮไลท์สีรุ้งไปมา
“เอ้า! พามึงไปโรงพยาบาลไง มึงอยากตายรึไง! มาดึงหัวกูทำม๊ายยย” กรีดร้องโวยวาย เพราะไอ้คนที่เจ็บจุกหน้าสีม่วงมันดึงผมทั้งยวงจนตึงแน่นตาตีชี้ฟ้าขึ้นด้านบน จนทำให้การขับรถสั่นไหวไปมาแม้ว่าจะเป็นความเร็วต่ำก็ตามที
“ไม่เอาโรงพยาบาล!! กูจะไม่เปิดทางสวรรค์กูให้คนแก่ดู!! มึงพากูไปคลินิก!! กูจะไปคลินิกที่มีหมอหล่อๆ!!”
“โอ๊ยยยยย อีแรด!! เจ็บหรรมจะตายห่าอยู่แล้ว มึงจะเลือกหมออี๊กกกก” เดียร์ใช้มือกำเบรกเอาไว้พลางคิดทบทวนว่าควรจะพาเพื่อนไปที่คลินิกไหน ก่อนจะเริ่มต้นขับรถออกจากโรงพยาบาลทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจอดรถดี
“อั่ก! อั่ก! อั่ก! โอ้ยยยย อีเหี้ย!! ฮือออออ ไข่กูจะแตกแล้ว ฮืออออ”
“ก็มึงอยากได้หมอหล่อๆ กูก็พามึงมาหาเนี้ย!” พูดบ่นโวยวาย ขับรถต่อมาอีกไม่นานนัก สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่......
โรงพยาบาลสัตว์!!!!
“มึงพากูมาที่นี่ทำไม!!!”
“เอ๊า ก็เนี้ย หมอหล่อของมึงไง๊” พูดว่าพร้อมกับตั้งขารถมอเตอร์ไซค์ พยุงเพื่อนที่หน้ามืดครึ้มปนเหงื่อลงจากรถ ในขณะที่บิ้วตี้พยายามขื่นตัวสุดฤทธิ์ กูปวดไข่ มันใช่หรอที่มึงพากูมาหาหมอหมาเนี้ย!!!
คิดพลางยั้งเท้าตัวเองไว้ พยายามไม่เดินตามที่คนเป็นเพื่อนลากจูง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความเจ็บปวด ต้องจำใจเดินตามไปแต่โดยดี
ปัง!!!
“หมอ!!!! ช่วยด้วยค่ะหมออออออ” เดียร์ส่งเสียงดังโวยวายดังลั่นคลินิก ทำให้คนเป็นหมอรีบกุลีกุจอวิ่งเข้ามาหา
“น้องเป็นอะไรมาครับ!” เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนร้องตะโกนถาม พร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาสัตว์ตัวเล็ก ตัวน้อย ตัวจ้อย หรืออาจจะตัวใหญ่ไปทั่วบริเวณ
“เพื่อนหนูค่ะหมอ!!! มันโดนเตะผ่าหมากมาค่ะ ช่วยเพื่อนหนูที!!!” คนเป็นหมอถึงกับสตั๊น กะพริบตาปริบๆ แล้วจึงเลื่อนสายตามามองคนที่ยืนกุมเป้า หน้าซีดหน้าเซียว เหงื่อเต็มใบหน้า ริมฝีปากสั่นระริก แต่ไม่รู้ทำไม นัยน์ดวงตาจึงปรากฏกระแสบางอย่าง ที่ทำให้คนเป็นหมอถึงกับขนลุกวาบ ก่อนจะพยายามไม่ใส่ใจ เอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ
“มาผิดที่รึเปล่าครับ?”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ!! ช่วยรักษามันที!!”
“อ่อ แต่ถัดไปอีกนิดหน่อยมีโรงพยา-”
“หมออยู่ใกล้ที่สุดแล้วค่ะ!!” ตอแหลเก่งมากอีเดียร์เพื่อนเลิฟ กูมอบมงให้เมิ้งงงงง
“อ่า ครับๆ งั้นนอนลงก่อนนะ เดี๋ยวหมอขอดูอาการหน่อย” ในที่สุดก็พยักหน้ารับ ประคองคนเจ็บขึ้นไปนอนบนเตียงเหล็กที่เตรียมไว้ให้เหล่าสัตว์โลกได้นอนรักษา
เฮือก!!
คนเป็นหมอถึงกับสะดุ้งเมื่อมีมือมาจับๆ ลูบๆ คลำๆ ที่บั้นท้าย จนต้องก้มลงมองว่ามือของใครที่กำลังจับอยู่ เหมือนคนจับจะรู้ตัว รีบชักมือกลับอย่างไว ทำให้คนเป็นหมอไม่ทันได้มอง ลอบสังเกตสาวประเภทสองทั้งสองคนขณะที่ขาก็พาก้าวเดิน
เฮือก!!
นั่น!! จับอีกแล้ว!!!
ขวับ!
หันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว ก็ยังคงเหมือนเดิม คิ้วของคนเป็นหมอเริ่มกระตุก ก่อนจะดึงสายตากลับมามองสองสาวอีกหน
เฮือก!!
“ไอ้-”
“ถึงแล้ว!!!” เสียงของคนที่พามาร้องบอกอย่างยินดี แล้วรีบประคองเพื่อนให้ไปนอนลงบนเตียง คนเป็นหมอมองด้วยแววตาเคลือบแคลงสงสัย ก่อนจะจำใจเอ่ยปากบอก
“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ ส่วนคุณก็ถอดกางเกงออกนะ เดี๋ยวผมขอไปเตรียมของก่อนนะครับ” ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกๆ ว่าจบคุณหมอหมาก็เดินออกไป สองเพื่อนสาวแท็กมือกันด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย แม้ว่าบิ้วตี้จะปวดกล่องดวงใจหนักหน่วงจนใบหน้าซีดเซียว แต่ก็ร่วมมือเข้าคู่กับเดียร์ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เดียร์จะเดินออกไปรอข้างนอก
ถึงจะสนิทกันขนาดไหนก็ไม่อยากดูหนอนชาเขียวเพื่อนหรอกนะ!
ส่วนคนในห้องนั้นก็นอนนิ่งๆ ขยับตัวอย่างลำบาก น้ำตาไหลพรากเป็นสายเพราะความเจ็บจุกรุนแรง จนกระทั่งคุณหมอหมาเดินเข้ามา เห็นว่ายังไม่ได้ถอดกางเกงออก จึงตั้งใจจะอ้าปากร้องถาม ก่อนจะชะงักไป แล้วพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ
“ไม่มีแรงสินะครับ”
“คะ ค่ะ” เอ่ยปากตอบด้วยเสียงแหบพร่า คนเป็นหมอก็ขยับมาอยู่ตรงหว่างขา สองมือขยับมาตรงกระดุมกางเกง ทำให้คนมองลุ้นระทึก ใจเต้นตึกตัก มองจ้องมือหนาไม่วางตา อดที่จะคิดถึงภาพลามกไม่ได้ ว่าหากไม่ใช่เพราะการรักษา แต่เป็นยามที่ได้ขึ้นเตียง คุณหมอจะหล่อแซ่บเข็ดฟันขนาดไหน
คนเป็นหมอไม่ทันได้สังเกตแววตาที่พราวระยับ ของคนจิตอกุศล ยังคงตั้งหน้าตั้งตาแกะกระดุมและรูดซิปลงอย่างแผ่วเบา จับดึงกางเกงสามส่วนสีเขียวพาสเทลที่คนป่วยสวมใส่มาออกช้าๆ ระวังไม่ให้ไปโดนหนอนตัวเล็ก ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นว่าใต้ร่มผ้านั้นสวมใส่กางเกงในจีสตริงลายเสือดาว
“เอาวะ มันก็เหมือนของสุนัขตัวใหญ่นั่นแหละ” พูดพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงดึงกางเกงออกให้พ้นจากขาเรียว วางลงที่ด้านข้าง ก่อนจะสวมใส่ถุงมือยางให้ตัวเอง ในขณะที่คนนอนจุกถึงกับอ้าปากค้าง ไอ้หมอหมาเปรียบเขาเป็นหมา!! แต่ไม่เป็นไร หล่อ! ให้อภัย!
คนเป็นสัตวแพทย์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะดึงชั้นในคนป่วยออกอย่างระมัดระวัง เมื่อยามที่ชั้นในตัวจิ๋วสัมผัสกับต้นขา ทำให้คนโดนถึงกับสยิว ส่งเสียงครางบางๆ ปะปนไปกับความเจ็บปวดจนแทบแยกไม่ออก ช่องทางที่เคยผ่านการใช้งานขมิบถี่ๆ เรียกร้องความสนใจ ในขณะที่คนเป็นหมอตั้งอกตั้งใจถอดปราการป้องกันอย่างเบามือ
จนกระทั่งชั้นในตัวนั้นก็พ้นออกจากข้อเท้าขาวสะอาด แล้วไปวางกองที่เดียวกันกับกางเกงของเจ้าตัว ทันทีที่ได้เห็นหนอนน้อย คนเป็นหมอก็ร้องซี้ดเบาๆ ด้วยความเจ็บปวดแทน ใบหน้าเหยเก เมื่อกลางใจชายของคนป่วยนั้นเป็นสีม่วงคล้ำ เพราะเลือดคั่งรุนแรง ก่อนจะใช้สองนิ้วจับคีบอย่างระมัดระวังและเบามือที่สุด
“โอ้ย ฮืออออ ฮืออออ หมอขา อ๊า ฮืออออ เบาๆ ค่ะ ซี้ดดดด ฮือออ”
“หมอเบาที่สุดแล้วครับ ทนหน่อยนะ”
“ฮืออ หมอขา หนูจะตายแล้ว ฮือออ เจ็บมากเลยค่ะ ซี้ดดดดด”
“หมอขอโทษนะครับ แต่หมอต้องทำจริงๆ”
เดียร์ที่นั่งฟังอยู่ด้านนอก ขบกัดริมฝีปากแล้วอดคิดถึงอะไรที่มันติดเรทไม่ได้ ต่างกันกับคนในห้องที่แทบจะกราบกรานขอร้องอ้อนวอนให้หมอไว้ชีวิต เป็นเพราะคนเป็นหมอจับมะเขือม่วงที่เขียวช้ำพลิกไปพลิกมา ก่อนจะสรุปผลออกมาให้ได้ฟัง
“อาการไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ เลือดไม่ได้คั่งจนต้องถึงกับผ่าตัดระบายเลือด น่าจะราวๆ 1 – 2 วัน ที่เลือดจะสลายไปเอง หรือบางทีถ้ากระทบกระทั่งหรือเสียดสีมากๆ มันอาจจะทำให้บริเวณอัณฑะเลือดออกบ้างก็ไม่ต้องตกใจไปครับ ถือเป็นเรื่องดี มันจะช่วยระบายเลือดได้ ช่วงนี้ก็อาจจะปัสสาวะลำบากหน่อยนะ และหากพบว่ามีเลือดออกจริงๆ ก็ดูแลเรื่องสุขอนามัยนิดหนึ่ง เพราะเดี๋ยวจะติดเชื้อเอาได้ ส่วนตอนนี้หมอว่าให้นอนพักนิ่งๆ อย่าขยับตัวสัก 4 ชั่วโมงก่อนนะครับ แล้วค่อยกลับบ้าน” สัตวแพทย์พูดอธิบาย พลางหาผ้ามาคลุมร่างกายส่วนล่างที่เปิดอล่างฉ่างโต้ลม ยังไม่สวมใส่อะไรกลับไปเพราะอาจจะทำให้เจ็บปวดมากกว่าเดิม บิ้วตี้เองก็ตอบรับเบาๆ
“ค่ะ” หลังจากที่จัดการหาผ้ามาคลุมให้เสร็จแล้ว คนเป็นหมอก็เดินออกจากห้องไป หยิบเอาหมอนและผ้าห่มมาจัดการให้ เรียกได้ว่าดูแลอย่างดี ก่อนจะออกไปอีกครั้งเพื่ออธิบายให้กับคนที่พามาได้คลายใจและคลายความกังวล
“ค่ารักษาเท่าไหร่คะหมอ”
“3,500 บาทครับ” เดียร์ทำหน้าตกใจ ยกมือขึ้นทาบอก
“ทำไมมันแพงขนาดนั้นละคะ!!!”
“500 เป็นค่าแรงหมอ ค่าอุปกรณ์และสถานที่ครับ ส่วน 3,000 นั้นเป็นค่าลวนลามหมอ” คุณหมอฉีกยิ้มหวานส่งให้ เดียร์ทำปากขมุบขมิบแววตาเชือดเฉือน
“ไม่แพงไปหรอคะ”
“ไม่แพงหรอกครับ ค่าตัวหมอแพงมากนะจะบอกให้” เดียร์แทบจะขบหัว ถึงจะเอ่ยปากบ่น แต่ก็ยอมหยิบคว้าเงินในกระเป๋าส่งให้ครึ่งหนึ่ง
“ติดเอาไว้อีกครึ่งนะคะหมอ เดี๋ยวขอไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงหมอแป๊บ” พูดด้วยดวงตาเป็นประกาย คนเป็นหมอรับเงินมาครึ่งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างเย้าหยอก
“ค่าตัวหมอแพงนะ หนูเลี้ยงไหวหรอ”
“ถ้าหมอยอมให้เลี้ยง แพงแค่ไหนก็จ่าย แอร๊ยยยยยยย” เมื่อได้ยินว่าหมอเล่นด้วยเดียร์ก็ยิ่งระริกระรี้ กระโดดดึ๋งเข้าไปเอนตัวซบอก หมายจะถูกไถหัวตัวเองกับอกแน่นๆ นั้น หากแต่คนเป็นหมอไหวตัวทัน ขยับตัวหลบฉากอย่างรวดเร็ว จนคนที่กระโดดเข้าหาหัวโขกกับกำแพงเสียงดัง
ตึง!!!
เดียร์หันขวับมามองแรง หน้าสั่นด้วยความเจ็บปวด ยกมือขึ้นจับหน้าผากของตัวเองที่ขึ้นรอยแดงในทันที คนเป็นหมอปรายสายตามอง แล้วจึงเอ่ยปากอธิบายให้คนตรงหน้ารับรู้ด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน
“ตอนนี้คุณก็กลับไปก่อนก็ได้ครับ ผมให้นอนดูอาการสัก 4 ชั่วโมง ช่วงเย็นๆ ค่อยมารับกลับก็ได้ คลินิกผมปิด 2 ทุ่ม อย่ามาเกินกว่านั้นนะครับ” เดียร์พยักหน้าให้อย่างเคืองๆ แม้ว่ามือจะกุมหน้าผากอยู่ก็ตามที ก่อนจะตอบรับเสียงขุ่น
“เข้าใจแล้วค่ะ” ว่าจบก็เดินปึงปังสาวเท้าเข้าไปหาเพื่อนในห้อง
“อีบิ้วตี้ เดี๋ยวกูกลับก่อนนะมึง ทิ้งร้านไว้ไม่มีใครดู เดี๋ยวเย็นๆ กูมารับ”
“เออ มึงไปเลย กูจะอยู่กับว่าที่สัมมี้” พูดหัวเราะขื่นๆ แม้ในใจจะยิ้มร่า แต่เพราะว่าความปวดหนึบที่มะเขือม่วง ทำให้หัวเราะทีสั่นสะท้านไปทั้งกาย พานให้น้ำตาจะไหลอีกรอบอย่างหยุดไม่ได้
“อีร่าน สภาพนี้มึงเอากับหมอไม่ไหวหรอก กูนี่ กินเก่ง เลียเก่ง ใช้ลิ้นเก่ง” พูดพร้อมขยิบตา ไม่เข็ดหลายแม้หัวจะโขลกกำแพงไปแล้วหนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวกลับหลังหัน เห็นคุณหมอที่ถูกพูดถึงยืนกอดอกพิงประตูห้องมองอยู่พร้อมกับการส่ายหัวเบาๆ
“ฝากเพื่อนด้วยนะคะ อย่าทำอะไรมันนะ ถ้าอยากทำมาทำกับหนูนี่ กินมะเขือม่วงไม่อร่อยหรอก อิอิ” คนเป็นหมอยกยิ้มมุมปาก ส่ายหน้าอย่างระอาใจ ยังไม่ทันจะหุบยิ้มดีก็ใบหน้าแข็งค้างในบัดดล
หมับ!!
พรึ่บ!
ฟื้ดดดดดดด
“ฮ้าาาาาา สดชื่นนนนนนน คุ้มกับ 3 พันกรูแร้วววว ไปนร๊าาาาาาาา” ว่าพร้อมหันมาขยิบตาใส่เพื่อนสาวที่นอนพะงาบน้ำตาตกอยู่บนเตียงเหล็ก ก่อนจะแล่นฉิวออกจากคลินิกไปโดยที่มีเสียงร้องโวยวายของคนด้านหลังดังตามมา
“อิเดียร์!!! ไข่หมอของกู๊วววววว แค่กๆ” บิ้วตี้ร้องออกมาเสียงดัง เมื่อพบว่าขนาดความใหญ่โตของคนเป็นหมอ ถูกเพื่อนจับคลึงวัดขนาดพร้อมสูดดมกลิ่นกายบุรุษเพศไปก่อนตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ผมจะไม่แปลกใจเลยหากวันหนึ่งเพื่อนของคุณจะโดนเตะผ่าหมากแบบคุณบ้าง” กว่าจะตั้งสติได้ คนก่อเรื่องก็ขับรถออกไปไกลเสียแล้ว จึงหันมาเอาเรื่องกับเพื่อนของเจ้าตัวที่นอนพะงาบๆ บนเตียงแทน พูดด้วยสีหน้าเอือมระอา ส่ายหน้าไปมา แล้วเดินไปทำงานของตัวเองต่อ ปล่อยให้ผู้ป่วยผิดประเภทนอนอยู่บนเตียงนั้นเพียงลำพัง
.
.
.
Winner Part
“ไอ้วิน! กูบอกให้มึงไปทำผม ทำไมยังกลับมาสภาพเดิมอยู่เลยวะ” เสียงของพี่โจ้ เจ้าของร้าน ร้องตะโกนเรียกถามตั้งแต่ยังไม่เหยียบย่างเข้าไปในร้านเหล้า ทำให้ชายร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ แล้วจึงตะโกนตอบกลับไป
“ไม่อยากทำพี่! พี่เอาเงินคืนไปเถอะ” ว่าพร้อมกับควักเงินที่เจ้าของร้านสู้อุตส่าห์ยัดใส่มือยื้อใส่เสื้อ เพื่อให้คนที่ตนมองว่าเป็นน้องชายไปทำสีผมเล่นๆ เรียกลูกค้า
“อะไรวะ หรือมึงไม่อยากทำ? ผิดกฎคณะมึงหรอ?” พี่โจ้ถามพร้อมกับเดินลากเท้าเข้ามาใกล้ เดินออกจากห้องตู้กระจกที่ใช้ทำงาน แล้วขยับมารับเงินคืน วินมองหัวของพี่แกเป็นสีเขียวหัวแมลงวันก็ส่ายหัวไปมา ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน ถึงได้กล้าทำผมสีนี้มาเรียกลูกค้า
ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มีแต่อ้อล้อเรียกตีน!!
สาเหตุที่คนชาติเศษๆ ถึงจะเข้าร้านทำผมอย่างวิน ยอมย่างกรายเข้าไปร้านทำผมที่เปิดอยู่แถวนั้น เป็นเพราะว่าพี่ชายคนนี้นี่เองที่คะยั้นคะยอให้ไปทำสีผมเจ็บๆ แสบๆ หวังให้เป๊ะให้ปังเป็นตัวเรียกลูกค้าเหมือนตน กะว่าไอ้ที่มันหล่ออยู่แล้วจะยิ่งหล่อระเบิดระเบ้อ กระชากม้ามเข้าไปใหญ่ หากได้ทำสีผมจี๊ดๆ เจ็บๆ จึงได้หยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นส่งให้คนเป็นน้องไป หากแต่ตอนนี้เงินจำนวนนั้นกลับวางแหมะอยู่บนฝ่ามือ โดยที่คนส่งให้เดินหนีไปอีกทาง
“ไม่ผิดหรอกพี่ แต่ไม่มีอารมณ์ทำแล้ว อยู่แม่งแบบนี้แหละ” คนพี่ได้แต่เกาหัวแกร่กๆ ด้วยความงุนงง มองตามหลังของคนรุ่นน้องที่เดินหายไปหลังร้าน อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเบาๆ
“อะไรของมันวะ” ส่ายหัวไปพลาง แล้วผลุบเข้าห้องอีกหน นั่งจัดทำบัญชีต่างๆ โดยปล่อยให้ลูกน้องภายในร้านตระเตรียมข้าวของต่อไป
“ไงมึง”
“เออ” วินร้องทักกับเจเล็กน้อย ก่อนจะเอาข้าวของเก็บใส่ล็อกเกอร์ แล้วหยิบคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาดเอว ยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิดใจ
“ดูมึงอารมณ์ไม่ดีนะ”
“เออ มีเรื่องมากนิดหน่อย” เจหน้าตาตื่น รีบปรี่เข้ามาหา จับตัวเพื่อนสนิทหมุนไปมาหาร่องรอยบาดแผล
“มึงไปชกกับใครมาวะ!!” เจหน้าตาตื่น รีบปรี่เข้ามาหา จับตัวเพื่อนสนิทหมุนไปมาหาร่องรอยบาดแผลไปทั่วทั้งตัว
“ไม่ได้ชกกับใคร แค่สั่งสอนคนบางคน”
“แน่ใจนะว่าไม่มีแผลตรงไหน?” เจขมวดคิ้วครุ่นคิด สายตายังคงกวาดมองไปทั่วๆ ตัวของเพื่อน มองหาบาดแผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้
“เออ ไม่มี มึงนี่ก็ห่วงมากจัง ไปๆๆ ทำงานๆๆ” เจพยักหน้ารับ แล้วจึงตบบ่า เป็นเชิงบอกให้ออกไปตระเตรียมงานด้วยกัน วินจึงเดินออกมาจากห้องพัก แล้วตรงเข้าไปจัดการงานของตัวเองทันที เดินเข็นรถที่ใช้จัดเก็บข้าวของ จัดเก็บจานข้าว แก้วน้ำ และสารพัดขวดเหล้า วางอย่างเป็นระเบียบ พอเต็มแล้วก็เอาไปถ่ายเทในแต่ละที่ๆ เตรียมเอาไว้ ทำแบบเดิมซ้ำๆ จนกระทั่งโต๊ะทุกตัวภายในร้านกลับมาสะอาดดังเดิม แล้วจึงหยิบคว้าไม้กวาดมาเป็นอาวุธประจำกายชิ้นถัดไป อดไม่ได้ที่จะบ่นถึงคนหน้าสวย แต่กิริยารับไม่ได้อย่างรุนแรงด้วยอาการสาปส่ง
“อย่าให้กูเจออีกนะมึง กูจะยอดหน้าแม่ง” บ่นพึมพำออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าสายใยเล็กๆ แห่งโชคชะตาได้เริ่มต้นถักทอขึ้นแล้ว......
